วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

บุญที่ฉันปลื้มที่สุด

ถ้าจะให้บอกว่าบุญไหนที่ฉันปลื้มที่สุดตลอดการสร้างบารมีมากับหมู่คณะมา 33 ปี ก็ขอบอกว่าตอบยากมาก เอาว่าขอยกบุญที่ปลื้มตอนที่เข้าวัดมาใหม่ๆ ให้ฟังดีกว่า บุญที่ปลื้มนั้นก็คือ ได้มาอบรมและบรรพชาอุปสมบทหมู่ธรรมทายาท ภาคฤดูร้อน รุ่นที่ 12 ซึ่งจัดขึ้นในปี พ.ศ.2527 สมัยนั้นการอบรมจะมีทั้งพระภิกษุและสามเณรอบรมด้วยกัน ไม่แยกเป็นโครงการต่างหากเหมือนสมัยนี้  การอบรมจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจะโกนผม แต่งกายด้วยชุดธรรมทายาทสีขาว รักษาศีล 8 ปฏิบัติธรรม และเตรียมตัวเข้าพรรพชาอุปสมบทเป็นเวลา 1เดือน ตอนจากนั้นจะไปบรรพชาอุปสมบทที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โดยมีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อจากนั้นก็จะมาปฏิบัติธรรมและศึกษาธรรมะต่อที่วัดพระธรรมกาย เป็นเวลาอีก 1เดือน แล้วจึงลาสิกขาบทพร้อมกัน ช่วงที่เป็นพระภิกษุจะได้ร่วมงานวิสาขะบูชาด้วย ซึ่งในปีนั้นท่าน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางมาเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี ยังจำได้ว่าขณะที่หลวงพ่อทัตตะชีโวท่านพิจารณาผ้าป่า ฟ้าก็ลั่นครื้น เหมือนจะร่วมอนุโมทนาบุญ หลวงพ่อธัมมชโยจึงตั้งชื่อธรรมทายาทรุ่นนี้ว่ารุ่น "ฟ้าลั่น" ก็เป็นความปลื้มใจว่าในชาตินี้ได้เกิดเป็นชาย ได้มาพบพระพุทธศาสนา และได้บวชเป็นพุทธบุตรครับ

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโย ที่ผมรู้จัก

ผมมาวัดพระธรรมกายตั้งแต่ปีพ.ศ.2526 ตั้งแต่เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง กว่า33ปีที่มาวัดพระธรรมกายได้มีโอกาสเห็น ได้รู้จักหลวงพ่อเจ้าอาวาสคือหลวงพ่อธัมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี กิจวัตรที่เห็นประจำคือท่านลงนำสอนนั่งสมาธิในช่างเช้าและรับแขกญาติโยมที่มากราบในช่วงบ่ายถึงเย็น ส่วนในด้านการบริหารงานวัดหรืองานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่านก็จะเป็นองค์ที่ให้นโยบายและเป็นที่ปรึกษาให้แก่คณะทำงาน สิ่งที่ผมได้รู้จักท่านพอสรุปได้ดังนี้
1.ท่านเป็นพระที่มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา รักในการฝึกฝนตนเองอย่างยิ่งยวด
2.ท่านเป็นพระที่ไม่เคยว่าร้ายใคร มีแต่คำที่ยกกำลังใจทั้งสิ้น
3.ท่านเป็นพระที่มุ่งทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
4.ท่านเป็นพระที่ประหยัดมากๆถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับท่าน แต่จะทุ่มเทอย่างมากถ้าเป็นงานพระพุทธศาสนา
5.ท่านเป็นพระที่มีความอดทนอย่างมาก แม้จะอาพาธอย่างมาก ก็ลงทำงานเทศน์สอนทุกวันมิได้ขาด
6.ท่านเป็นพระที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ละเอียดลึกซึ้งมาก มากขนาดที่หลายๆเรื่องกว่าเราจะตามทันก็หลายปี
7.ท่านเป็นพระที่มีความเคารพ มีความกตัญญู ต่อครูบาอาจารย์ และพระเถระผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก
นี่เป็นบางส่วนที่ผมพอจะสรุปได้ในเวลาอันจำกัด แต่ก็คิดว่ากว้างขวางครอบคลุมพอที่จะสรุปว่า นี่คือแง่มุมที่ผมรู้จักหลวงพ่อธัมมชโยมากว่า33ปี แม้เวลาจะผ่านไปมากเพียงใดผมยังไม่เคยเห็นท่านได้ละจากสิ่งที่ผมสรุปมาแม้แต่ข้อเดียว มีแต่ข้อที่ผมจะต้องสรุปเพิ่มเติมมากขึ้นๆ ในส่วนตัวผมแล้วนี่แหละที่ทำให้ผมรักหลวงพ่อธัมมชโยและรักวัดพระธรรมกายได้มิมีวันเสื่อมคลายครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

บุญอาทิตย์ต้นเดือน

สำหรับชาววัดพระธรรมกายแล้ว คำว่าอาทิตย์ต้นเดือนมีความสำคัญ ถึงกับพูดกันว่าในหนึ่งเดือน อาทิตย์ไหนหากมีกิจธุระจำเป็นไม่ได้มาวัดก็ยังพอได้ แต่สำหรับอาทิตย์ต้นเดือนแม้จะป่วย ถ้าหามมาได้ก็ให้หามกันเอามา เพราะเดือนหนึ่งจะมีครั้งเดียวคือพิธีบูชาข้าวพระ จะมีเฉพาะอาทิตย์ต้นเดือนเท่านั้น พิธีนี้จัดกันมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีตั้งแต่คุณยายอาจารย์ยังอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญนู่น ก่อนมีวัดพระธรรมกายซะอีก เช่นเดียวกันวันนี้ วันอาทิตย์ต้นเดือน ที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2559 สาธุชนทั้งในและต่างประเทศมาร่วมพิธีกันอย่างเนืองแน่น วันนี้นอกจากจะได้นั่งสมาธิ ร่วมพิธีบูชาข้าวพระ ช่วงบ่ายยังมีสัมมนาโครงการบรรพชาสามเณรล้านรูป มีปิดทองเสาเข็มที่จะไปตอกสร้างมหาวิหารหลวงปู่ที่ อนุสรณ์สถานมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี สถานที่เผยแผ่ธรรมครั้งแรก ที่วัดบางปลา ด้วย เรียกว่ามีงานบุญให้ปลื้มกันทั้งวัน  วันนี้ผมมาทำหน้าที่อาสาสมัครแจกถุงพลาสติกสำหรับใส่รองเท้า ที่หน้าห้องปฏิบัติธรรมที่ชื่อว่าห้องแก้วสารพัดนึก มายืนแจกทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย มีคนทักเยอะเลย จะพูดคล้ายๆกันว่า โอ้โหมาแจกเองเลยหรือ ก็ต้องตอบว่าครับ บางคนก็บอกว่าจำพี่ได้ไหม ก็จัดเต็มเลย ทั้งชื่อและนามสกุลซึ่งยาวพอสมควร เรียกว่ายิ้มแก้มปริเลย ที่ผมจำได้ ยืนอยู่เป็นชั่วโมงๆกับน้องอาสาสมัคร จนน้องเค้าหันมาพูดว่า พี่นี่คนรู้จักเยอะจังเลยนะครับ ปลื้มเลย  ก็พี่เข้าวัดมาตั้ง32ปีแล้ว ก่อนที่น้องจะเกิดซะอีก อันนี้ไม่ได้พูดออกไป นึกอยู่ในใจ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

สิ่งดีๆที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน

ผมมาวัดพระธรรมกายตั้งแต่เป็นนักศึกษา มาอย่างต่อเนื่องจนบัดนี้ขึ้นปีที่33แล้ว ตลอดเวลาที่มาวัดพระธรรมกาย ผมเห็นแต่ความเจริญรุ่งเรื่องของวัด ภายใต้ร่มบารมีธรรมของหลวงพ่อธัมมชโย(ปัจจุบันคือ พระเทพญาณมหามุนี) ทั้งทางด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้านการศึกษา ด้านการทำนุบำรุงศาสนสถาน ด้านการสังคมสงเคราะห์ เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับศาสนิกชนที่มาวัดพระธรรมกายรวมถึงผมด้วย ได้รับแต่สิ่งดีๆจากวัดโดยมีหลวงพ่อธัมมชโยเป็นผู้นำอย่างมากมาย ผมพอจะสรุปได้ดังนี้
1.หลวงพ่อธัมมชโย เป็นแบบอย่างในการทุ่มเทชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในการสร้างบารมีในแบบอย่างของชาวพุทธ
2.หลวงพ่อธัมมชโย สอนให้พวกเรารู้จักการทำทาน ช่วยเหลือเผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์
3.หลวงพ่อธัมมชโย สอนให้พวกเรารู้จักรักษาศีล ทั้งศีล5 ศีล8 เกรงกลัวต่อบาป
4.หลวงพ่อธัมมชโย สอนให้พวกเรารู้จักการทำสมาธิ มีจุดมุ่งหมายทำจิตใจให้สงบ จนให้เข้าถึงธรรมะภายใน มีเป้าหมายชีวิต ให้ไปถึงพระนิพพาน ในแบบอย่างของชาวพุทธ
 ยังมีอีกมายมายที่ผมได้จากวัดพระธรรมกาย ภูมิใจ ดีใจ ที่รู้จักวัดพระธรรมกายครับ

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก

ผมมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2526 กับ ชมรมพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงครับ แต่เดิมผมเคยเห็นรูปถ่ายวัดพระธรรมกายมาก่อน รู้สึกชอบดูเรียบง่ายสะอาดดี คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาวัดพระธรรมกายให้ได้ พอมาเรียนที่รามคำแหง ก็มาพบว่าทางชมรมพุทธเค้าจัดรถบัสมาวัดพระธรรมกายทุกอาทิตย์ ก็ดีใจรีบสมัครมาวัดพระธรรมกายด้วยเลย พอมาถึงวัดรู้สึกประทับใจสถานที่สะอาด เป็นระเบียบ ผู้คนดูเป็นพี่เป็นน้อง ดูแล ช่วยเหลือ แบ่งปัน กลางวันล้อมวงทานข้าวกับพี่ๆอบอุ่นมาก  พิธีกรรมที่วัดก็น่าศรัทธา มีระเบียบ พร้อมเพรียง ภาคเช้าหลวงพ่อธัมมชโย(ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) นำนั่งสมาธิ ภาคบ่ายหลวงพ่อทัตตะชีโว(ปัจจุบันคือพระราชภาวนาจารย์)เทศน์เรื่องมงคลชีวิต38ประการ อาทิตย์ละมงคล วันที่ผมมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกได้ฟังมงคลที่15เรื่องการทำทาน ท่านเทศน์ดีมาก ผมสามารถจดบันทึกเอาไปอ่านให้แม่ฟังที่บ้านตอนเย็นด้วย ก่อนกลับจากวัดพระธรรมกายพวกเราช่วยกันเก็บเสื่อ ล้างแก้วน้ำพลาสติก แล้วนำไปจัดเก็บให้เรียบร้อย แล้วขึ้นรถบัสกลับพร้อมกัน ตั้งแต่มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกผมหลงรักวัดพระธรรมกายอย่างแรง ทำให้ผมมาวัดพระธรรมกายทุกอาทิตย์อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน